Blue In Green ดั่งความเงียบสงัดผสานเข้ากับทำนองอันซาบซ่าน

blog 2024-12-23 0Browse 0
 Blue In Green ดั่งความเงียบสงัดผสานเข้ากับทำนองอันซาบซ่าน

“Blue In Green” เป็นผลงานชิ้นเอกของ Miles Davis และเป็นเพลงที่หลายคนยกให้เป็นหนึ่งในบทเพลงแจ๊ซที่ทรงอิทธิพลที่สุดตลอดกาล เพลงนี้ถือกำเนิดขึ้นจากอัลบั้ม “Kind of Blue” ซึ่งเผยแพร่ในปี 1959 และได้รับการยกย่องว่าเป็นอัลบั้มแจ๊ซที่ขายดีที่สุดตลอดกาล

ความพิเศษของ “Blue In Green”

“Blue in Green” เป็นเพลงที่โดดเด่นด้วยท่วงทำนองที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง แม้จะไม่มีเนื้อร้อง แต่ก็สามารถสื่ออารมณ์ได้อย่างลึกซึ้ง

ดนตรีในเพลงนี้เน้นความเงียบสงัดและการไหลเวียนของเสียง ซึ่งเป็นลักษณะเด่นของแนวดนตรี Modal Jazz ที่ Miles Davis นำมาใช้ในการบันทึกอัลบั้ม “Kind of Blue”

Miles Davis: บิดาแห่งแจ๊ซ

Miles Davis เป็นนักทรัมเป็ต, นักแต่งเพลง และผู้นำวงดนตรีแจ๊ซชาวอเมริกัน ผู้มีอิทธิพลอย่างมากต่อวงการดนตรีแจ๊ซตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1940 จนถึงการเสียชีวิตของเขาในปี 1991

Davis เป็นที่รู้จักในความสามารถในการประพันธ์และ improvisation (การแต่งทำนองแบบ即興) ที่ล้ำเลิศ รวมทั้งความชอบที่จะทดลองแนวทางดนตรีใหม่ๆ

ตลอดอาชีพการทำงานของเขา Davis ได้ปล่อยอัลบั้มมากมาย และสร้างสรรค์เสียงดนตรีที่หลากหลาย ตั้งแต่ bebop, cool jazz, hard bop จนถึง fusion

“Kind of Blue”: อัลบั้มตำนาน

“Kind of Blue” เป็นอัลบั้มแจ๊ซที่บันทึกโดย Miles Davis ควบคู่ไปกับนักดนตรีชื่อดังอีกห้าคน ได้แก่ John Coltrane (แซกโซโฟนเทเนอร์), Cannonball Adderley (แซกโซโฟนแอลโต), Bill Evans (เปียโน), Paul Chambers (เบส) และ Jimmy Cobb (กลอง)

อัลบั้มนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในอัลบั้มแจ๊ซที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล เนื่องจากความเรียบง่าย, ความลึกซึ้ง และความมีอิทธิพลของดนตรี

“Blue In Green” เป็นเพลงที่สองใน “Kind of Blue” และเป็นเพลงที่ใช้ Modal Jazz ซึ่งเป็นรูปแบบใหม่ที่ Miles Davis พัฒนาขึ้น

Modal Jazz: การหลุดพ้นจากกรอบ

Modal Jazz เป็นแนวทางดนตรีแจ๊ซที่แตกต่างจาก Bebop

Bebop มักเน้นการ improvisation บน progression ของคอร์ด (chord progression) แต่ Modal Jazz จะใช้ scale (มาตราส่วน) เพียงไม่กี่ scale เป็นพื้นฐานในการ improvisation

ทำให้ดนตรีมีลักษณะที่เรียบง่ายและมีอิสระมากขึ้น

**โครงสร้างของ “Blue In Green”

Blue in Green มีโครงสร้างที่ค่อนข้างเรียบง่าย โดยแบ่งออกเป็นสองส่วนหลัก:

  • A Section: เป็นท่วงทำนองที่สงบและเรียบง่าย
  • B Section: เป็นท่อน improvisation ที่ซับซ้อนมากขึ้น

ตลอดทั้งเพลง Miles Davis จะใช้เสียงทรัมเป็ตที่นุ่มนวลและไพเราะ ในขณะที่ John Coltrane จะ improvistion บนแซกโซโฟนเทเนอร์

ผลกระทบของ “Blue In Green”

“Blue in Green” ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในบทเพลงแจ๊ซที่สวยงามที่สุดตลอดกาล และยังคงมีอิทธิพลต่อนักดนตรีแจ๊ซรุ่นหลังมาจนถึงปัจจุบัน

เพลงนี้ได้ถูกนำไป cover โดยศิลปินมากมาย และยังคงได้รับความนิยมอย่างสูงในหมู่นักฟังดนตรีทั่วโลก

สรุป

“Blue in Green” เป็นเพลงแจ๊ซที่โดดเด่นด้วยความเรียบง่าย, ความลึกซึ้ง และความสวยงาม

เพลงนี้เป็นตัวแทนของความสามารถอันยอดเยี่ยมของ Miles Davis และนักดนตรีร่วมวง และยังคงเป็นหนึ่งในบทเพลงแจ๊ซที่ทรงอิทธิพลที่สุดตลอดกาล.

TAGS